H2O Hydro Garden
ที่อยู่: เลขที่ 8 ซอย นาคนิวาส 53 ลาดพร้าว 71 แขวง ลาดพร้าว กทม. 10230
เบอร์โทร: 02 932 9200 มือถือ: 086 500 9698, 084 106 6831
.jpg)
.jpg)
.png)
ผักไฮโดรโปนิกส์และแปลงปลอดสารฝีมือเด็กเก่งโรงเรียนบ้านวนาหลวง ผักไฮโดรโปนิกส์และแปลงปลอดสาร ฝีมือเด็กเก่งโรงเรียน บ้านวนาหลวง กว่าสิบปีแล้วที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือสพฐ. มีนโยบายให้โรงเรียนในสังกัดสพฐ.ทุกแห่งทั่วประเทศจัดตั้งโครงการอาหารกลางวันเพื่อให้นักเรียนบริโภคอาหารอย่างถูกหลักอนามัยถูกสุขลักษณะและได้รับสารอาหารตามวัยถูกต้องตามหลักโภชนาการอย่างครบถ้วนซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลอนุมัติงบประมาณสนับสนุนอาหารกลางวันเฉลี่ย 20 บาทต่อคน แม้ว่าวัตถุประสงค์ของโครงการอาหารกลางวันจะตั้งไว้อย่างไร หากขาดการสนับสนุนและแรงผลักดันจากครูผู้ใกล้ชิดกับนักเรียน โครงการอาหารกลางวันก็จะมีแต่โครงการ นักเรียนยังคงกินอาหารกลางวันด้วยงบประมาณเฉลี่ย 20 บาทต่อคนอยู่เรื่อย ซึ่งงบประมาณดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะสามารถผลิตอาหารกลางวันที่มีโภชนาการเพียงพอต่อความต้องการของเด็กนักเรียนที่อยู่ในวัยเจริญเติบโตและวัยเรียนได้
โรงเรียนวนาหลวงตำบลถ้ำลอดอำเภอบางมะผ้าเป็นโรงเรียนในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีสภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน การคมนาคมไม่สะดวก ทำให้เด็กนักเรียนจำนวน 1 ใน 3 ต้องพักค้าที่โรงเรียนตลอดปีการศึกษา เพราะไม่สามารถเดินทางไป-กลับในวันเดียวได้ การพักค้างที่โรงเรียนหมายถึงนักเรียนต้องได้รับการดูแลในเรื่องของอาหารครบ 3 มื้อในขณะที่รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณตามโครงการอาหารกลางวันเพียงมื้อเดียว เด็กหญิงอรพินเลิศสินชัยสกุลนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นหนึ่งในนักเรียนที่ต้องนอนพักค้างที่โรงเรียนตลอดปีการศึกษาทุก 6 โมงเช้าหลังปฏิบัติภารกิจส่วนตัวแล้วเธอจะไปยังโรงครัวของโรงเรียนเพื่อเตรียมทำอาหารเช้าสำหรับตนเองเพื่อนและน้องๆอีกประมาณ 70 คนเมนูแต่ละวันก็ขึ้นอยู่กับว่ามีวัตถุดิบอะไรที่หยิบฉวยได้ในพื้นที่ใกล้โรงเรียนที่ง่ายและบ่อยก็เป็นผัดผักบุ้งไฟแดงกับข้าวสวยร้อนๆก่อนได้เวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ
วัตถุดิบที่ใกล้โรงเรียนหมายถึงแปลงผักที่ปลูกขึ้นภายในโรงเรียนด้วยฝีมือของเด็กนักเรียนในโรงเรียนเองเมื่อเป็นฝีมือการปลูกการดูแลของเด็กเชื่อแน่ได้ว่าต้องปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อชีวิตแน่นอน ครูกัญญา สมบูรณ์ ครูใหญ่โรงเรียนบ้านวนาหลวง ครูกัญญา สมบูรณ์ครูใหญ่โรงเรียนบ้านวนาหลวงเล่าว่าแปลงผักที่มีอยู่ได้รับการสนับสนุนเบื้องต้นจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) ให้ทำโครงการสวนเกษตรอินทรีย์เพื่อปลูกพืชผักอินทรีย์ปลอดสารสำหรับการบริโภคภายในโรงเรียนของนักเรียนและครูในทุกมื้ออาหารซึ่งเป็นการช่วยเหลือให้เยาวชนในถิ่นทุรกันดารมีความมั่นคงทางอาหารโดยการรับประทานผักอินทรีย์ปลอดสาร “เมื่อเราปลูกผักปลอดสารพิษก็หมายความว่าเราได้สร้างโอกาสความมั่นคงทางอาหารและมีความหวังในการเจริญเติบโตทั้งร่างกายและจิตใจที่มั่นคงให้กับเด็กๆ” ครูกัญญากล่าว
ปี 2556 เป็นปีที่ได้รับทุนสนับสนุนโครงการครูกัญญาจึงเป็นแกนหลักในการทำสวนผักปลอดสารลงมือปลูกผักหมุนเวียนหลายชนิดเช่นคะน้ากวางตุ้งผักบุ้งผักชีต้นหอมการทำสวนผักปลอดสารในครั้งนี้เสมือนการปลูกชีวิตให้กับพื้นที่ที่เคยปล่อยให้รกร้างของโรงเรียนกว่า 13 ไร่กลับมาสดใสและมีสีสัน โรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ครูกัญญาจึงให้นักเรียนทุกคนมีโอกาสเป็นเจ้าของสวนผักร่วมกันโดยจัดตารางกิจกรรมหลังเวลาเรียนในภาคบ่ายให้นักเรียนเข้ามาช่วยดูแลแปลงผักซึ่งเด็กทุกคนรู้ดีว่าผักทุกต้นในแปลงเมื่อเจริญเติบโตขึ้นมาจะเป็นอาหารสดที่ดีสำหรับพวกเขาและในทุกวันเด็กนักเรียนชายจะมีหน้าที่ปรับหน้าดินแปลงผักปลอดสารเพื่อเตรียมดินในชั่วโมงกิจกรรมหลังเลิกเรียนในเวลาบ่ายสองโมงส่วนเด็กนักเรียนหญิงจะทำหน้าที่ดูแลแปลงผักให้ปราศจากวัชพืชและแมลงรบกวนรวมถึงการรดน้ำที่เป็นหน้าที่สำคัญของเด็กทุกคนในการสลับสับเปลี่ยนกัน ผักคะน้าปลอดสารกำลังงอกงาม ครูกัญญา เล่าว่า ช่วงแรกของการทำสวนผัก ผักที่ปลูกเจริญเติบโตดีในช่วงฤดูฝน เมื่อเข้าฤดูแล้ง น้ำมีไม่เพียงพอ ก็ต้องปล่อยพื้นที่ให้ว่างลงตามเดิม แล้วนำงบประมาณที่พอมีอย่างจำกัดมาซื้อวัตถุดิบมาประกอบอาหารแทน เมื่อประสบปัญหาจึงคิดปรับปรุงระบบน้ำให้สามารถปลูกผักได้ตลอดปี เพื่อให้ได้ผักสด สะอาด ปลอดภัย ไว้รับประทานเอง ซึ่งไม่นานก็สามารถแก้ปัญหาและจัดการเรื่องระบบน้ำ ทำให้มีน้ำใช้รดน้ำผักในแปลงไว้ได้ตลอดปี “ครูและเด็กทุกคน มาช่วยกันคิดว่า เราจะปลูกผักปลอดสารไว้กินอย่างเดียวคงไม่ได้ เราควรมองถึงความยั่งยืนของการสร้างวัตถุดิบในการประกอบอาหาร ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่า ควรปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แบบยกพื้น ซึ่งนอกจากจะมีผักไว้รับประทานแล้ว ยังเป็นความรู้นอกห้องเรียนในการปลูกผักอีกแบบ อีกทั้งยังสามารถนำไปขายได้ราคาดีอีกด้วย”
เสียงครูกัญญา บอกกับเด็กนักเรียนว่า ให้นักเรียนลองหยิบต้นกล้าเหล่านี้ขึ้นมาและเช็กว่ารากสีซีดหรือไม่ หยิบด้วยความระมัดระวังและเบามือที่สุด สิ่งที่นักเรียนควรได้เรียนรู้คือ ต้นกล้าผักเราเหล่านี้ราคา 15 บาท ถ้าเราดูแลดี ต้นผักเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นกิโลละ 150 บาท ภายในเวลาไม่กี่เดือน การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ จัดเป็นกิจกรรมนอกห้องเรียนที่นักเรียนมีความตื่นตัวมาก การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ อย่าง เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค ไอซ์เบิร์ก สลัดแก้ว นอกจากจะสร้างสีสันแล้ว ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับโรงเรียน โดยทุกรอบการเก็บผักจะมีพ่อค้าจากตัวเมืองมารับซื้อในราคากิโลกรัมละ 150 บาท และเงินจำนวนนี้ถูกผันไปเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับซื้อเนื้อสัตว์มาประกอบอาหาร
ด้านหลังโรงเรียนมีเล้าไก่ และคอกหมู รายได้จากการขายผักสลัด ไข่ไก่ และเนื้อสัตว์ ทางสหกรณ์โรงเรียนจะนำมาบริหารจัดการเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรับซื้อเมล็ดพันธุ์ผักไฮโดรโปนิกส์ และสำหรับทำกิจกรรมอื่นๆ ของโรงเรียน
ปัจจุบัน สวนผสมที่โรงเรียนบ้านวนาหลวง อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชผักไฮโดรโปนิกส์ และไก่ไข่ ทำให้โรงเรียนมีรายได้หมุนเวียนเพียงพอต่อการดูแลทั้งด้านการเรียนและโภชนาการของเด็กนักเรียน และคุณครูกว่า 300 ชีวิต นอกจากนี้ ครูกัญญา ผู้ซึ่งได้รับรางวัลยอดครูผู้มีอุดมการณ์ ตามโครงการตามรอยเกียรติครูผู้มีอุดมการณ์และจิตวิญญาณครู ปี 2558 เป็นเงินจำนวน 300,000 บาท ได้นำเงินจำนวนดังกล่าวมาเป็นทุนในการปลูกต้นกาแฟในพื้นที่ที่เหลือของโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกทักษะ รวมทั้งมีรายได้จากการจำหน่ายกาแฟเมื่อกาแฟให้ผลผลิต
ครูกัญญา กล่าวทิ้งท้ายว่า แรงบันดาลใจทั้งหมดที่ทำโครงการเกษตรสวนผสมในโรงเรียน มาจากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งหากลงมือทำ จะเห็นผลกับตนเองว่า ปรัชญาของพระองค์ทำได้จริง สร้างชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับโรงเรียนและชุมชนรอบข้างอย่างยั่งยืน
Cr.technologychaoban |