H2O Hydro Garden
ที่อยู่: เลขที่ 8 ซอย นาคนิวาส 53 ลาดพร้าว 71 แขวง ลาดพร้าว กทม. 10230
เบอร์โทร: 02 932 9200 มือถือ: 086 500 9698, 084 106 6831
.jpg)
.jpg)
.png)
รมว.วิทย์ เยี่ยมชม "โรงงานผลิตพืช" ที่ญี่ปุ่น รมว.วิทย์ เยี่ยมชม "โรงงานผลิตพืช" ที่ญี่ปุ่น
รมว.วิทย์ พร้อมผู้บริหารสวทช.เยี่ยมชมโรงงานผลิตพืช หรือ Plant Factory ของญี่ปุ่น ชี้เทคโนโลยีเหมาะสมช่วยเกษตรกรยุคใหม่ ด้านไบโอเทคนำร่องใช้เพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วย ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดร.สมวงษ์ ตระกูลรุ่ง ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ผู้บริหาร สวทช. และหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน เข้าเยี่ยมชม Plant Factory ของบริษัท 808 Factory ที่เมืองชิซึโอกะ ประเทศญี่ปุ่น โดยมี Mr. Katashi Kai, general manager of 808 Factory Shinnippou LTD. และ Prof. Toyoki Kozai ประธานสมาคม Plant Factory และผู้เชี่ยวชาญด้าน Plant Factory จากมหาวิทยาลัยชิบะ ประเทศญี่ปุ่น ให้การต้อนรับ
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ กล่าวว่า เทคโนโลยีการผลิตพืชมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการผลิตอาหารและยารักษาโรค อีกทั้งการเพิ่มปริมาณให้เพียงพอต่อการบริโภคของประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การเพิ่มคุณภาพของผลผลิต และการใช้ทรัพยากรในการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แนวคิดนี้กล่าวสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของรัฐบาลตอบโจทย์ “ไทยแลนด์4.0” จากเกษตรแบบดั้งเดิมไปสู่การเกษตรสมัยใหม่ ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีมาบริหารจัดการ (Smart Farming) การผลิตที่เน้นคุณภาพ และการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ มีนโยบายให้นำเทคโนโลยีมาใช้เสริมความเข้มแข็งให้กับภาคเกษตรกรรม
ทั้งนี้ โรงงานผลิตพืช หรือ Plant Factory เป็นเทคโนโลยีที่สามารถมาช่วยเกษตรกรยุคใหม่ให้สร้างผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการผลิตพืชในระบบปิดหรือกึ่งปิดที่สามารถควบคุมสภาพแวดล้อม เช่น แสง ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ และธาตุอาหาร ให้มีความเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช พัฒนาจากองค์ความรู้แขนงต่างๆ เช่น สรีรวิทยาพืช การเกษตร วิศวกรรม รวมถึงการจัดการเทคโนโลยี โดยจุดเด่นคือ สามารถผลิตพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงทั้งด้านอัตราการผลิต (ผลผลิตต่อพื้นที่ต่อเวลา) และการใช้ทรัพยากรในการผลิต การเพิ่มคุณภาพของพืชเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของผลผลิต เช่น การเพิ่มวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ สารสกัดที่ใช้เป็นยารักษาโรค และคุณสมบัติทางกายภาพอื่นๆ เช่น ผิวสัมผัส รสชาติ และอายุหลังการเก็บเกี่ยวที่ยาวนานขึ้น และมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและต่อมนุษย์ เช่น การลดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช และการลดใช้ทรัพยากรน้ำและธาตุอาหาร โดย “Plant Factory” เป็นเทคโนโลยีที่ประเทศญี่ปุ่นได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 20 ปี สามารถปลูกพืชได้มากกว่า 10 ชั้น (ขึ้นกับชนิดของพืช) และเป็นการใช้พื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัด ดร.สมวงษ์ ตระกูลรุ่ง ผู้อำนวยการ ไบโอเทค กล่าวว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ สวทช. โดย ไบโอเทค นำเทคโนโลยี Plant Factory มาประยุกต์ใช้ในการปลูกพืชมูลค่าสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พืชในกลุ่มสมุนไพรเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ รวมถึงสามารถกำหนดให้สมุนไพรสร้างสารออกฤทธิ์ตามความต้องการได้ด้วย เช่น สมุนไพรบางตัวจะมีการผลิตสารสำคัญทางยาอย่าง น้ำมันหอมระเหย (Essential oil) แคโรทีนอยด์ (Carotenoids) หรือแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ออกมาในเวลาพืชเกิดความเครียดจากสิ่งแวดล้อม “จากการเยี่ยมชมบริษัท 808 Factory ประเทศญี่ปุ่น ที่มี Plant factory ขนาดใหญ่ มีระบบการจัดการแบบปิดที่มีการควบคุมสภาวะแวดล้อมต่างๆ ทั้ง แสง น้ำ อากาศ การให้ปุ๋ย เป็นต้น ซึ่งทำให้พืชผักที่ปลูกในโรงงานแห่งนี้ ไม่มีการปนเปื้อนจากโรคและแมลงศัตรูพืช โรงงานแห่งนี้มีพื้นที่การผลิตอยู่ที่ 1,000 ตารางเมตร สามารถปลูกพืชได้มากถึง 120,000 ต้น มีอัตราการเก็บเกี่ยวอยู่ที่ 9,000 ต้นต่อวัน โดยการนำระบบ Plant Factory เข้ามาใช้ในการผลิตพืชทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ ไปได้อย่างมาก อาทิ การใช้สารฆ่าแมลง การใช้น้ำ การใช้ปุ๋ย นอกจากนี้ยังประหยัดพื้นที่ในการเพาะปลูก และสร้างรายมีมูลค่าสูงมากเป็นที่ต้องการของตลาดและผู้บริโภคด้วย เทคโนโลยีนี้มีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการเสริมคุณภาพของผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างรายได้ให้กับประเทศต่อไป” ผู้อำนวยการศูนย์ไบโอเทค สวทช. กล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
เดลินิวส์
|