H2O Hydro Garden
ที่อยู่: เลขที่ 8 ซอย นาคนิวาส 53 ลาดพร้าว 71 แขวง ลาดพร้าว กทม. 10230
เบอร์โทร: 02 932 9200 มือถือ: 086 500 9698, 084 106 6831
.jpg)
.jpg)
.png)
ม.อ. จัดการปัญหา โรครากเน่า สำหรับการปลูกผัก ไฮโดรโปนิกส์ สำเร็จ ม.อ. จัดการปัญหา โรครากเน่า สำหรับการปลูกผัก ไฮโดรโปนิกส์ สำเร็จ รศ.ดร.อัจฉรา เพ็งหนู อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยควบคุมศัตรูพืชโดยชีวินทรีย์แห่งชาติ ภาคใต้ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เผยผลสำเร็จในการแก้ปัญหา โรครากเน่า และใบจุด สำหรับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ โดยนำประโยชน์จากจุลินทรีย์ในการควบคุมโรคพืชเข้ามาทดแทนการใช้สารเคมี และได้พัฒนาชีวภัณฑ์ที่มีรูปแบบการใช้งานง่าย ด้วยชีวภัณฑ์ ผงแกรนูล บาซิลลัส ซับทิลิส ที่ใช้ง่าย สะดวก เก็บไว้ใช้ได้นาน ไม่เป็นพิษต่อคนและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม เป็นผลสำเร็จ
ปัจจุบัน กระแสความนิยมในการปลูกผักไร้ดินหรือปลูกผักระบบไฮโดรโปนิกส์ ได้รับความนิยมมาก แต่ผู้ปลูกหรือผู้ลงทุน ก็มักท้อถอยด้วยปัญหา โรครากเน่า และโรคใบจุด ทำให้ผู้ปลูกขาดทุน การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ แม้ระบบน้ำจะมีธาตุอาหารที่พืชต้องการครบ แต่ในช่วงหน้าร้อนต่อหน้าฝน รากพืชจะไม่สามารถดูดสารอาหารได้เต็มที่ เนื่องจากมีเชื้อรา 2 ชนิดจะเติบโตได้ดี และเป็นเชื้อราที่มักจะเกิดขึ้นกับการปลูกพืชชนิดซ้ำๆหลายครั้ง และชอบไปเกาะอิงอาศัยอยู่กับรากพืช ไปเกาะปกคลุมรากพืช จนรากพืชไม่สามารถดูดอาหารได้ ทำให้พืชขาดสารอาหารแสดงอาการเป็นโรครากเน่า ใบจุด
ความรู้ในการแก้ปัญหาโรครากเน่า สำหรับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์นี้ ได้ พัฒนามาจากการแก้ปัญหาโรคกาบใบแห้งในข้าวได้สำเร็จมาก่อน เริ่มจาก รศ.มานะ กาญจนมณีเสถียร รศ.ดร.ฤดีกร วิวัฒนปฐพี และรศ.ดร.อัจฉรา เพ็งหนู ได้แก้ปัญหาแก้ปัญหาโรคกาบใบแห้งในข้าว โดยคัดเลือกเชื้อมาจากพื้นที่นา และพัฒนาเชื้อบาซิลลัส เมกะทีเรียม พัฒนาเป็นชีวภัณฑ์ในรูปผงแกรนูล (granulation) คือมีลักษณะเป็นเกล็ดที่สามารถเก็บไว้ได้นานถึง 2 ปี ใช้แก้ปัญหาโรคกาบใบแห้งในข้าวได้สำเร็จ จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการวิจัยต่อยอดมาแก้ปัญหาโรครากเน่า สำหรับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
วิธีใช้แก้ปัญหา โรคกาบใบแห้งในข้าว ให้เกษตรกรนำผงแกรนูล 1 ซอง (20 กรัม) ผสมน้ำสะอาด 1 ลิตร ทิ้งไว้ 48 ชั่วโมง เพื่อทำเป็นชีวภัณฑ์ขยายก่อนนำไปใช้ประโยชน์ เริ่มจากการใช้แช่เมล็ดพันธุ์ข้าว (อัตราส่วน ชีวภัณฑ์ขยาย 1 ลิตร : เมล็ดข้าว 4 กิโลกรัม) ส่วนการใช้ฉีดพ่นป้องกันโรคในแปลงนาจะใช้ชีวภัณฑ์ 200 กรัม นำไปผสมกับน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นแปลงนาข้าวในช่วงเวลาเย็น ทุกๆ 7-15 วัน จะช่วยควบคุมการระบาดของโรคได้)
รศ.ดร.อัจฉรา เพ็งหนู และทีมงาน พบว่า แบคทีเรีย บาซิลลัส ซับทิลิส สามารถกำจัดเชื้อราก่อเกิดโรครากเน่า ใบจุด แต่ถ้าเชื้อตัวนี้ ถ้าเก็บเป็นเชื้อสดจะมีอายุอยู่ได้แค่ 7 วันเท่านั้น เพื่อให้เชื้อมีอายุยืดยาว เกษตรกรนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย ทีมวิจัยจึงนำเชื้อแบคทีเรียตัวนี้มาผ่านกระบวนการแปรรูปให้เป็นสารชีวภัณฑ์ผงแกรนูล เพิ่มสารในทางเภสัชกรรมมาผสมเติมเข้าไป เลยสามารถเก็บรักษาในอุณหภูมิห้องปกติได้นานถึง 2 ปี “โรคพืชต่างๆ สามารถเกิดได้ทั้งในระบบรากและใบ ซึ่งการศึกษาการปลูกพืชในระบบไฮโดรโปนิกส์ทำได้ง่ายกว่าการปลูกในดิน เพราะสามารถเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในระบบรากได้ชัดเจนกว่า โดยในระยะแรกเริ่มจากเรื่องโรครากเน่า โดยการคัดเลือกเชื้อในระยะแรกจะต้องมีการใส่เชื้อโรคลงในระบบปลูก จนสามารถคัดเชื้อจุลินทรีย์ปฏิปักษ์บาซิลัส ซับทิลิส (Basillus subtilis (BS) ที่ยับยั้งเชื้อรากลุ่มพิชเซียม (Pytium spp.) ที่เป็นสาเหตุของโรครากเน่า ซึ่งในระหว่างศึกษาโรครากเน่า ก็พบปัญหาโรคใบจุดที่เกิดจากเชื้อราอัลเทอร์นาเรีย (Alternaria spp.) ซึ่งผลปรากฏว่าเชื้อจุลินทรีย์ปฏิปักษ์บาซิลัส ซับทิลิส สามารถควบคุมได้ทั้งโรครากเน่าและใบจุด จึงได้พัฒนาเชื้อดังกล่าวโดยอาศัยองค์ความรู้เดิมจากการผลิตชีวภัณฑ์ป้องกันโรคข้าว ควบคู่กับการใช้เชื้อบิวเวอร์เรียในการกำจัดแมลงศัตรู เช่น หนอน ทำให้ผักที่ปลูกปลอดภัยจากสารเคมีป้องกันศัตรูพืช” รศ.ดร.อัจฉรา กล่าว
“การปลูกพืชด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์มีข้อดี เราสามารถยกถาดโฟมเพื่อดูรากพืชได้ ถ้ารากสีขาวแสดงว่าพืชแข็งแรง แต่ถ้ารากพืชเริ่มมีสีน้ำตาล นั่นแสดงว่าเริ่มจะเป็นโรครากเน่า สามารถนำชีวภัณฑ์ผลแกรนูลมาใช้แก้ปัญหาได้ทันที”
สำหรับชีวภัณฑ์ ผงแกรนูล บาซิลลัส ซับทิลิส ที่พัฒนาขึ้นมีอายุการเก็บรักษาประมาณ 19 เดือน-2 ปี ทางด้านวิธีการใช้งานในระบบปลูกผักไฮโดรโปนิกส์นั้นก็ไม่ยุ่งยาก โดยสามารถใช้ได้ 2 วิธี คือ นำไปใช้ทันทีหรือขยายเชื้อก่อนใช้ เริ่มจาก การขยายเชื้อก่อนนำไปใช้ หรือที่เรียกว่า ชีวภัณฑ์ขยาย คือ นำชีวภัณฑ์ในลักษณะเกล็ด หรือที่เรียกว่าเป็นผงแกรนูล จำนวน 1 ซอง (20 กรัม) ผสมน้ำต้มสุกที่เย็นแล้วหรือน้ำสะอาด 1 ลิตร นำมาผสมให้เข้ากันและเลี้ยงทิ้งไว้ 48 ชั่วโมง วิธีใช้ เพื่อป้องกันการเกิดโรค ให้ใส่เชื้อชีวภัณฑ์ขยายลงในระบบน้ำ ในอัตราส่วนชีวภัณฑ์ขยาย 1 ลิตร : สารละลายในระบบปลูก 100 ลิตร (ชีวภัณฑ์แบบทันที อัตราส่วน 20 กรัม : น้ำ 100 ลิตร) และหากเกิดอาการโรคใบจุด ให้นำชีวภัณฑ์ 80 กรัม หรือชีวภัณฑ์ขยาย 200 มิลลิลิตร ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นใบทุกๆ 3-7 วัน (ประมาณ 3-4 รอบ) หรือพบอาการ โรครากเน่า ใช้ชีวภัณฑ์ 20 กรัม หรือชีวภัณฑ์ขยาย 1 : สารละลายในระบบปลูก 100 ลิตร ใส่ในระบบปลูกทุกๆ 7 วัน ซึ่งการใช้ชีวภัณฑ์ดังกล่าวนอกจากจะให้ผลดีด้านการควบคุมและป้องกันโรคพืชแล้ว ยังช่วยให้ระบบรากของพืชแข็งแรงมีการเจริญเติบโตดี
หากท่านใดสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ ภาควิชาธรณีศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90112 โทร.0-7428-6186, 0-7455-8809 โทรสาร.0-7455-8809 หรือ E-mail : ashara.p@psu.ac.th |