H2O Hydro Garden
ที่อยู่: เลขที่ 8 ซอย นาคนิวาส 53 ลาดพร้าว 71 แขวง ลาดพร้าว กทม. 10230
เบอร์โทร: 02 932 9200 มือถือ: 086 500 9698, 084 106 6831
การปลูกข้าวสาลีทานเอง
ต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นอุดมไปด้วยคลอโรฟิลล์มากถึง 70% ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างเฮโมโกลบินในเมล็ดเลือดแดง ส่งผลดีกับผู้ที่เป็นโลหิตจาง และยังมีสารอาหารมากมายเช่นวิตามิน เอ ซี อี และธาตุอาหารอื่นๆอีกมากมาย จำพวก เหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม และกรดอมิโนมากกว่า 10 ชนิดเลยทีเดียว เลยไม่แปลกที่ใครๆที่รักสุขภาพจะหันมากินต้นอ่อนข้าวสาลีกันมากขึ้นนะคะ งั้นมาดูวิธีการปลูกข้าวสาลีกันดีกว่าค่ะว่าจะเป็นยังไง ง่ายแค่ไหน วิธีการเพาะข้าวสาลี 1. นำเมล็ดข้าวสาลีมาล้างน้ำให้สะอาดก่อน และนำเมล็ดแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำไปหว่านบนวัสดุเพาะในกระถางหรือตะกร้านำเมล็ดข้าวสาลีใช้มือปาด เมล็ดข้าวสาลีให้ทั่วกดลงจนดินเบาๆ (ในการปลูกในภาพเราจะใช้เป็นขุยมะพร้าวและปุ๋ยเอบีแทน สามารถปลูกร่วนบนดินธรรมดาได้เหมือนกันค่ะ)
2. รดน้ำบางๆ แบบพ่นฝอย โดยอาจใช้กระบอกฉีดพ่น พอชื้นอย่าให้แฉะมากเพราะจะทำให้เกิดเชื้อราได้ แล้วหาอะไรปิดหน้าเอาไว้เพื่อความชุ่มชื้น (ไม่แนะนำให้ใช้หนังสือพิมพ์หรือถุงดำเพาะมีสารพิษมาก) ทำเช่นนี้ทุกวันจนเห็นใบอ่อนข้าวสาลีงอกออกมา จึงเอาที่ปิดหน้าออกได้ ควรโดนแดดรำไรๆ จะได้สังเคราะห์แสงมีคลอโรฟิลล์มาก **ข้าวสาลีเป็นต้นอ่อนที่ชอบความชื้น แต่ห้ามรดน้ำจนแฉะเพราะจะทำให้เกิดโรครากเน่าได้**
3. เมื่อเมล็ดข้าวสาลีออกใบที่ 2 (ใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน) สามารถตัดใบไป ทำน้ำคั้นได้ โดยใช้กรรไกรสะอาดตัดเหนือดินประมาณ ½ นิ้ว
4. หลังจากตัดเสร็จรดน้ำต่อไปแบบข้อ 2 ต่อทุกวัน อีกประมาณ 5-7 วัน สามารถตัดใบไปทำน้ำคั้นรุ่นที่ 2 ได้อีกครั้ง ต้นอ่อนข้าวสาลีควรตัดและนำมารับประทานทันที เพราะหากเก็บไว้นาน คุณค่าทางอาหารจะลดลงนะคะ วิธีการง่ายที่สุดในการรับประทานคืนนำต้นอ่อนมาปั่นคั่นน้ำทานค่ะ อาจใส่น้ำผึ้งเล็กน้อยเพื่อช่วยให้ทานง่ายขึ้น
และก็เสร็จกันไปแล้วนะคะ สำหรับวิธีการปลูกข้าวสาลีของเรา บอกเลยว่าข้าวสาลีมีประโยชณ์มาก ใครไม่อยากแก่ต้องรีบทานเลยนะคะ^^ ใครมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกผักงอก ถามได้ที่ Facebook: www.facebook.com/h2ohydrogarden หรือ Line: @h2ohydrogarden ได้เลยนะคะ
Like and follow us on |