ข้อแตกต่างระหว่างเมล็ดผักแบบเคลือบและแบบไม่เคลือบ
ReadyPlanet.com
dot
test member
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
bullet สมัครสมาชิก
dot


facebook.com/h2ohydrogarden hydroponics soilless culture
h2ohydrogarden@hotmail.com/chu0880 hydroponics soilless culture
BANSABAI hostel
Department of Agricultural Extension
Kasetsart University h2ohydrogarden hydroponics soilless culture
IG:h2ohydrogarden
Line:h2ohydrogarden


ข้อแตกต่างระหว่างเมล็ดผักแบบเคลือบและแบบไม่เคลือบ

 

เมล็ดพันธุ์พืช  มีความสำคัญต่อการปลูกพืชไฮโดรโปนิกส์มาก เนื่องจากทำให้พืชสามารถเจริญเติบโตและตั้งตัวเร็ว เมล็ดพันธุ์ที่ดีมีลักษณะตรงตามสายพันธุ์ มีเปอร์เซนต์การงอกสูง การเลือกซื้อเมล็ดพันธุ์เพื่อปลูกในระบบไฮโดรโปนิกส์นั้น ตามหลักการแล้วจะมีอยู่ 2 ประเภท ในท้องตลาด ได้แก่ 

- เมล็ดแบบเคลือบ

- เมล็ดแบบไม่เคลือ

 

@  เมล็ดแบบเคลือบ @

เมล็ดผักแบบเคลือบ เมล็ดผักชนิดนี้จะถูกคัดเลือกมาจากเมล็ดที่สมบูรณ์ แล้วนำมาเคลือบด้วยแป้งหรือดินเหนียว (Pelleted seed)
 
- เพื่อเป็นการรักษาสภาพของเมล็ดผักเอาไว้ ข้อดีของการใช้เมล็ดผักแบบเคลือบก็คือ สะดวกในการเพาะเมล็ดผักเนื่องจากขนาดที่ใหญ่ขึ้น
- วัสดุที่หุ้มเมล็ดผักยังช่วยนำพาความชื้นสู่เมล็ดผักได้อย่างทั่วถึงทั้งเมล็ด ทำให้ผู้ปลูกสามารถเพาะลงวัสดุปลูกได้โดยตรง ช่วยลดความเสี่ยงจากปัจจัยการงอกที่ไม่สม่ำเสมอของการเพาะเมล็ดผักลงได้
 
ส่วนข้อเสียของเมล็ดผักแบบเคลือบ นี้คือ มีราคาแพง และมักพบปัญหาเมล็ดผักเสื่อมสภาพเร็วหากเก็บรักษาไม่ถูกวิธี  (ต้องเก็บไว้ในตู้เย็นตลอดเวลา 4 - 7 องศาเซลเซียส) การเพาะเมล็ดผักแบบเคลือบหากฝังเมล็ดผักในวัสดุปลูกลึกเกินไปก็ทำให้เมล็ดผักเน่า หรือถ้าหากตื้นเกินไป  ก็ทำให้เมล็ดผักได้ความชื้นไม่เพียงพอก็ทำให้ไม่งอกเช่นกัน สำหรับเมล็ดผักแบบเคลือบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์ลูกผสม หรือ Hybrid F1 ที่มีการพัฒนาสายพันธุ์
ให้มีผลผลิตที่มีคุณภาพและผลผลิตสูงกว่าเมล็ดผักพันธุ์ดั้งเดิมเพื่อให้ได้ตรงกับความต้องการของตลาด ด้วยต้นทุนการผลิตเมล็ดผักเคลือบที่สูงทำให้เมล็ดผักแบบเคลือบนี้มีชนิดและสายพันธุ์ของผักให้เลือกค่อนข้างน้อย
 
 
 
@ เมล้็ดพันธุ์แบบไม่เคลือบ @
 
 
 
 
 
เมล็ดผักแบบไม่เคลือบ
 
-  เมล็ดผักประเภทนี้จะผ่านการลดความชื้นมาแล้ว สามารถเก็บรักษาในตู้เย็นได้นาน ประมาณ 1 - 2 ปี
และมีราคาถูกกว่าเมล็ดผักแบบเคลือบค่อนข้างมาก
 
การเพาะเมล็ดผักแบบไม่เคลือบ  นี้แนะนำให้กระตุ้นการงอกโดย
 
- ใช้กล่องถนอมอาหารที่มีฝาปิดสนิทรองด้านในด้วยกระดาษชำระประมาณ 2 ชั้นแล้วพรมน้ำให้กระดาษเปียก และเทน้ำออก จากนั้นให้นำเมล็ดผักสลัดมาโรยลงบนกระดาษชำระ โดยไม่ต้องพรมน้ำซ้ำ
-  แล้วปิดฝากล่องให้สนิท (แนะนำให้นำไปวางไว้ในที่มีอุณหภูมิต่ำ เช่น ห้องปรับอากาศ) ประมาณ 24 - 48 ชั่วโมง เมล็ดผักจะเริ่มงอกให้ย้ายลงวัสดุปลูกได้เลย
-  อย่าปล่อยให้เกิน 72 ชั่วโมง (3 วัน) เพราะรากผักจะยาวเร็วมากและทำให้ย้ายปลูกได้ยาก การกระตุ้นการงอกด้วยวิธีนี้จะทำให้เมล็ดผักที่เราเพาะมีเปอร์เซ็นต์
การงอกและความสม่ำเสมอของการงอกสูงขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงจากเชื้อโรคที่จะเข้าทำลายเมล็ดผักจากการเพาะเมล็ดผักลงวัสดุปลูกโดยตรง  ให้ผักที่ปลูกมีความสม่ำเสมอของต้นที่เท่ากัน มากกว่าการเพาะลงในวัสดุปลูกโดยตรง เนื่องจากการเพาะลงวัสดุปลูกโดยตรงนั้นเมล็ดผักมีความเสี่ยง  ที่จะถูกทำลายโดยเชื้อโรคหรือแมลง อีกทั้งผู้ปลูกยังควบคุมปัจจัยการงอกของเมล็ดได้ยากกว่าด้วย
 
 
" การเลือกใช้เมล็ดผักแต่ละชนิด จึงควรเลือกให้เหมาะกับเรามากที่สุด 
แต่ทั้งนี้ผักที่ปลูกจะมีคุณภาพทั้งทางด้านรูปลักษณ์, สีสรร รวมถึงน้ำหนัก จะดีหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ และปัจจัยอื่นๆ ในการปลูกประกอบด้วยเป็นสำคัญ "
 
 
 
 
 
ขอบคุณข้อมูล  : allkaset . coachnong
 ภาพ  :  อินเตอร์เนท
 
 
 
 



สาระน่ารู้เกี่ยวกับผักไฮโดร

สาเหตุและแนวทางแก้ไขรสขมในผักสลัด
ประโยชน์ของไตรโคเดอม่า
ปลูกผักแล้วขายที่ไหนดี?
เคล็ดลับการเพาะเชื้อราไตรโคเดอร์มา
ประโยชน์ของผักไฮโดร
แดดน้อยปลูกอะไรดี
การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในหน้าร้อน
มาปลูกมะเขือเทศกันดีกว่า
โรคใบจุด...จุด...จุด
ปลูกผักสวนครัวประหยัดได้มากจริงหรือ
มารู่จักปุ๋ย A+B กัน