จุดแข็งของการปลูกพืชด้วยระบบHydroponics

การปลูกพืชโดยระบบไฮโดรโปนิกส์นั้นมีข้อได้เปรียบหลายอย่างถ้าเทียบกับการปลูกพืชแบบธรรมดา ทำให้การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์เป็นที่นิยมกันมากขึ้นใบปัจจุบัน 

1.พืชที่ปลูกโดยระบบHydroมีความเสี่ยงในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชน้อยที่สุด เพราะไม่ได้ปลูกบนดินซึ่งเป็นที่สะสมของโรค แมลงและศัตรูพืชอื่นๆที่อยู่ในดิน ระบบปลูกออกแบบให้ทำความสะอาดได้ง่าย และใช้ความสะอาด ความแห้งจากการตากรางปลูกด้วยแสงแดดต่อสู้กับศัตรูพืช ไม่ต้องพลิกดินตากดินเป็นเวลานานๆ

2. การปลูกพืชด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์นั้น สามารถลดการใช้น้ำได้มากถึง 50% ถ้าเทียบกับการปลูกพืชแบบธรรมดา

3.ระบบHydroใช้ปุ๋ยเคมีโดยกำหนดสูตรปุ๋ยและความเข้มข้นให้ตรงกับความต้องการของพืชแต่ละชนิดได้อย่างแม่นยำ สามารถควบคุมไม่ให้ปุ๋ยเกินความต้องการและเหลือตกค้างในพืชได้ดี และหากผู้บริโภคต้องการให้มั่นใจมากขึ้นก็สามารถนำไปแช่น้ำและให้รับแสงริมหน้าต่างก่อนบริโภค1วันก็ได้เพราะผักHydroจำหน่ายพร้อมรากให้ผักสดใหม่เสมอ ในประเทศที่มีแสงมากอย่างเมืองไทยจะพบน้อยมากที่มีปุ๋ยตกค้างเพราะเมื่อพืชดูดปุ๋ยขึ้นมาก็สังเคราะห์แสงได้หมดการดูดปุ๋ยของพืชไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์มีผลต่อพืชเหมือนกันเพราะพืชดูดธาติอาหารในระดับไอออน เช่นไนเตรตไอออนจากปุ๋ยเคมีหรือที่อยู่ในมูลสัตว์เหมือนกัน การปลูกด้วยระบบHydroเป็นระบบที่ใช้ปุ๋ยเคมีที่มีประสิทธิภาพที่สุดเพราะเป็นระบบปิดหมุนเวียน โดยไม่เสียเปล่าไปกับการรดน้ำและการทำปฏิกริยากับสารเคมีในดิน

4. นอกจากนี้การปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์นั้นยังเหมาะกับการปลูกพืชในพื้นที่ๆจำกัด เหมาะสำหรับคนเมืองที่มีพื้นที่น้อย เช่นการปลูกพืชที่บริเวณระเบียง ในอาคารหรือบนดาดฟ้าตึก ก็สามารถทำได้ 

5. การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์นั้นให้ผลผลิตที่แน่นอนกว่า เนื่องมีโรคและแมลงน้อยกว่าการปลูกแบบธรรมดา ทำให้ดูแลผลผลิตได้ดีกว่าการปลูกพืชแบบธรรมดา ที่อาจเกิดการเสียหายได้ง่ายกว่า จากการสะสมของโรคและแมลงที่อยู่ในดิน

6. การปลูกด้วยระบบไฮโดรนั้นช่วยในการประหยัดแรงงานมากกว่าการปลูกแบบธรรมดา เนื่องจากการปลูกแบบไฮโดรใช้แรงงานน้อยกว่ามาก ทำให้สามารถลดคนงานที่ใช้ในการปลูกได้ และประหยัดค่าแรงมากขึ้น

H2O Hydro Garden จัดคอร์สอบรมการปลูกผักทุกเดือน สำหรับท่านที่สนใจสามารถติดต่อที่ Line: @h2ohydrogarden ได้เลยค่ะ