H2O Hydro Garden
ที่อยู่: เลขที่ 8 ซอย นาคนิวาส 53 ลาดพร้าว 71 แขวง ลาดพร้าว กทม. 10230
เบอร์โทร: 02 932 9200 มือถือ: 086 500 9698, 084 106 6831
.jpg)
.jpg)
.png)
ปัญหาเรื่องระบบน้ำที่พบบ่อยในการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ปัญหาเรื่องระบบน้ำที่พบบ่อยในการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ หนึ่งในปัญหาที่นักเรียนของเราชอบถามกันมากคือเรื่องเกี่ยวกับระบบน้ำ ส่วนใหญ่จะถามจากนักเรียนที่เลยลองพยายามทำระบบไฮโดรโปนิกส์ด้วยตัวเอง โดยส่วนใหญ่ วางแผนระบบฟาร์มที่ไม่รัดกุมเพียงพอ อาจจะด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ทั้งความไม่รู้ไม่เข้าใจอย่างแท้จริง หรือหาข้อมูลจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ คนแนะนำมา หรือลองผิดลองถูกเองก็ตาม ซึ่งส่วนใหญ่เคยประสบปัญหาเกี่ยวกับการปลูกในระยะยาวด้วยกันทั้งสิ้น ทำให้เสียหายขาดทุนจนบางครั้งล้มเลิกความคิดที่จะปลูกพืชด้วยระบบไฮโดรไปเลยก็ตาม วันนี้เลยจะมาพูดถึงเรื่องระบบน้ำของไฮโดรโปนิกส์กัน เพื่อหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจเรื่องระบบน้ำได้ดียิ่งขึ้น และสามารถเอาไปใช้จริงในฟาร์มผักกันนะคะ ระบบน้ำของการปลูกไฮโดรโปนิกส์นั้น แบ่งเป็น 2 แบบหลักๆ นั่นก็คือ 1 ระบบน้ำแบบรวม คือระบบน้ำแบบที่มีถังสารละลายแค่ 1 ถัง หรือ 1 บ่อ ซึ่งจะแจกจ่ายน้ำไปยังแปลงปลูกทุกๆแปลง ระบบน้ำมีข้อดีเรื่องความร้อนของน้ำที่จะเย็นกว่าระบบอื่น และยังช่วยลดการทำงานในฟาร์ม เพราะวัดค่าEC/pH แค่บ่อเดียว สามารถใช้เครื่องเติมปุ๋ยและกรดแบบอัตโนมัติได้เพื่อช่วยควบคุมค่าน้ำให้เหมาะกับการเจริญเติบโตของพืชให้มากที่สุด แต่ความเสี่ยงของระบบนี้ค่อนข้างสูงเพราะหากเครื่องเสีย เกิดความผิดปกติกับสารอาหารหรือค่า pH จะทำให้ ผักเสียหายทั้งหมด รวมถึงหากมีการระบาดของโรคเช่น โรครากเน่า ระบบนี้จะทำให้โรคระบาดอย่างรวดเร็วมากกว่าระบบอื่น ความสะอาดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับการปลูกแบบระบบน้ำรวม นอกจากนี้ระบบไฮโดรแบบน้ำรวมยังใช้เงินทุนค่อนข้างสูงถ้าเทียบกับระบบอื่นอีกด้วย ดังนั้นระบบนี้จึงเหมาะกับผู้มีประสบการณ์มากกว่ามือใหม่ เพราะต้องอาศัยความรู้ความเชียวชาญ มากนั่นเอง 2 ระบบน้ำแบบเฉพาะแปลงปลูก คือระบบน้ำที่มีแยกสำหรับแต่ละแปลง โดยมีถังสารละลายเฉพาะของแต่ละแปลงไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ระบบนี้จะเป็นระบบที่ H2O Hydro Garden เลือกใช้เนื่องจากมีการลงทุนด้านโครงสร้างต่ำที่สุด ไม่เสี่ยงต่อการระบาทของโรค เหมะสำหรับฟาร์มขนาดเล็ก เนื่องจากใช้แรงในการเติมน้ำวัดค่าน้ำมากกว่าระบบใหญ่ ระบบนี้เหมาะกับมือใหม่ที่ยังไม่แน่ใจ หรือต้องการขยายฟาร์มจากเล็กไปหาใหญ่ ซึ่งจะเหมาะกว่าเพราะไม่เสียเงินลงทุนก้อนใหญ่ในทีเดียว นอกจากสองระบบหลักนี้แล้ว ก็จะมีบอกฟาร์ม ทำระบบน้ำแบบลูกผสมระหว่างสองแบบนี้ นั่นก็คือระบบน้ำแบบกลุ่ม นั่นก็คือระบบน้ำ 1 ชุด จ่ายน้ำให้กับ 3-10 แปลง เพื่อลดความเสี่ยง และเพิ่มความรวดเร็วในการเติมปุ๋ยนั่นเอง สุดท้ายนี้หวังว่าบทความนี้จะพอช่วยเป็นแนวทางในการเลือกระบบน้ำไปใช้กันหรือเอาไปปรับปรุงระบบที่มีอยู่แล้วได้บ้างนะคะ ส่วนใครมีคำถามเกี่ยวกับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์เรื่องอื่นๆที่ยังไม่เข้าใจ ก็สอบถามเข้ามาได้ตลอดเลยค่ะที่ Line@h2ohydrogarden สอบถามเรื่องการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์เพิ่มเติมทักมาได้เลยค่ะ
|