H2O Hydro Garden
ที่อยู่: เลขที่ 8 ซอย นาคนิวาส 53 ลาดพร้าว 71 แขวง ลาดพร้าว กทม. 10230
เบอร์โทร: 02 932 9200 มือถือ: 086 500 9698, 084 106 6831
.jpg)
.jpg)
.png)
เทคนิคการเพาะเมล็ดในเพอร์ไลท์และเวอร์มิคูไลท์ เทคนิคการเพาะเมล็ดในเพอร์ไลท์และเวอร์มิคูไลท์ วันนี้จะมาพูดถึงการเพาะเมล็ดในเพอร์ไลท์และเวอร์มิคูไลท์นะคะ ซึ่งเป็นวัสดุปลูกชนิดหนึ่งที่นิยมใช้มากในการปลูกผักสลัดในประเทศไทยพอๆกับการใช้ฟองน้ำเลยค่ะ ราคาต้นทุนในการปลูกผักสลัดด้วยเพอร์ไลท์นั้นก็จะสูงกว่าการปลูกด้วยฟองน้ำนะคะ แต่จากที่ฟาร์มเราทดลองปลูกเทียบกันดูนั้น พบว่าการใช้เพอร์ไลท์ปลูกนั้น มีอัตราการงอกและเจริญเติบโตสำหรับผักสลัดที่ดีกว่า ทางฟาร์มผัก H2O Hydro Garden เลยใช้เพอร์ไลท์ปลูก 100%ค่ะ
การใช้เพอร์ไลท์+เวอร์มิคูไลท์ จะอยู่ที่อัตราส่วน 6:1 นะคะ สำหรับคนที่ไม่เคยเพาะนั้นหรือไม่เคยเห็นเจ้าตัวเพอร์ไลท์และเวอร์มิคูไลท์มาก่อน ขออธิบายคร่าวๆคือ เพอร์ไลท์ จะมีสีขาวค่ะ มีลักษณะเป็นเม็ดขนาด 3- 6 มม. มีน้ำหนักเบา เอาไว้เป็นที่ยึดเกาะของรากพืชค่ะ ส่วน เวอร์มิคูไลท์ จะมีสีน้ำตาล แบนๆเป็นชั้นๆ ตัวนี้จะช่วยในเรื่องของการอุ้มน้ำได้ดี ทำให้วัสดุปลูกมีความชื้น ไม่แห้ง แต่ต้องระวังไม่ใส่มากเกินไป เพราะจะทำให้ต้นกล้าเน่าได้ค่ะ เรานำเพอร์ไลท์+เวอร์มิคูไลท์มาคลุกเคล้ารวมกันนะคะ ตามอัตราการผสมที่บอกไปก่อนหน้านี้ จากนั้น ก็นำมาใส่ในถ้วยปลูกพลาสติกสีฟ้าได้เลยค่ะ (ตัวถ้วยปลูกสีฟ้าหรือบางคนเรียกสีเขียวนั้นตามปกติจะมีรอยผ่า 2 เส้นที่ก้นถ้วย เพื่อให้รากพืชแทงทะลุออกมาได้ โดย 1 แผงจะมี 80 ใบค่ะเป็นถ้วยปลูกที่ไม่สามารถน้ำกลับมาใช้ซ้ำได้ ไม่เหมือนถ้วยดำที่นำกลับมาใช้ใหม่)
ให้ใส่เพอร์ไลท์ในถ้วยปลูกความสูงประมาณ 2/3 - 3/4ของถ้วยปลูกนะคะ (เหตุผลที่เราไม่ใส่เพอร์ไลท์เต็มถ้วยก็เพราะว่า ถ้าหากเราใส่เต็มถ้วยปลูกจะมีปัญหาเวลาเรารดน้ำนั่นเอง เมล็ดที่เราหยอดไว้อาจกระเด็นออกจากถ้วยตอนรดน้ำค่ะ ทำในเกิดความเสียหายนั่นเอง) และทำการเขย่านิดหน่อยให้เพอร์ไลท์แน่นและช่วยให้ฝุ่นเล็กๆในเพอร์ไลท์หลุดออกมาจากถ้วยด้วยค่ะ เพื่อที่ว่าฝุ่นเล็กๆนี้จะได้ไม่ลงไปในระบบปลูกมากเวลานำขึ้นแปลงปลูก จากนั้นหยอดเมล็ดลงไปในถ้วย โดยไม่ต้องกลบเมล็ด เมื่อวางเมล็ดจนครบทั้งถาดแล้ว ให้เขย่าถาดเพาะเบาๆ เมล็ดจะจมลงไปเองค่ะ เมล็ดควรจมลงไปแค่ผิวๆของวัสดุปลูกเท่านั้น ถ้าจบมากไปอาจเน่าและไม่งอกได้ค่ะ การงอกของเมล็ดใน3-5วันแรกไม่ต้องการแสงมาก และควรลดน้ำเช้าเย็นในช่วงแรกเพื่อให้มั่นใจว่าวัสดุปลูกมีความชื้น และไม่แห้งตลอดทั้งวันค่ะ ในวันที่ 4-5เราควรเริ่มสังเกตว่าต้นกล้าของเราเริ่มยืดหรือไม่นะคะ ไม่ควรปล่อยให้ต้นยืดเกินไปเพราะจะทำให้อ่อนแอและลำต้นหักหรือล้นได้ง่ายค่ะ ส่วนใหญ่ประมาณวันที่ 4-5เราก็จะย้ายลงรางอนุบาลกันแล้วค่ะ
ใครมีคำถามอะไรเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ในFacebook https://www.facebook.com/h2ohydrogarden หรือLine: h2ohydrogarden ได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคำถามจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกผัก
|