การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์น้ำนิ่งคืออะไร? 

การปลูกผักไฮโดรแบบน้ำนิ่งเป็นการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แบบไม่ใช้ปั๊มนั่นเอง เพราะปกติแล้วการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์จะมีหลากหลายระบบ แต่ละระบบจะใช้ปั๊มน้ำในการทำให้น้ำไหลเวียนในระบบเพื่อหล่อเลี้ยงรากผัก การที่ใช้ปั๊มในการปลูกนั้นจะช่วยให้น้ำออกซิเจนในน้ำมีมากขึ้น ยิ่งน้ำหมุนเร็วเท่าไหรออกซิเจนก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปด้วย ออกซิเจนในน้ำช่วยให้ผักโตเร็วแข็งแรง ส่วนการปลูกผักน้ำนิ่งคือการที่ตัดระบบปั๊มออกไป เมื่อตัดออกไปแล้ว ผักจึงใช้ออกซิเจนจากน้ำที่อยู่ในกล่องเพียงอย่างเดียว ซึ่งถ้าอิงจากการทดลองปลูกน้ำนิ่งที่คิดค้นโดน B.A. Kratky แล้วนั้น (โดยดัดแปลงการปลูกจากระบบไฮโดรแบบ DWC) การปลูกผักแบบน้ำนิ่งต้องใช้น้ำประมาณ 5 ลิตร ในการปลูกผัก 1 ต้นในระยะเวลา 30 วันเลยทีเดียวเพื่อให้ผักมีออกซิเจนเพียงพอ ซึ่งโดยส่วนใหญ่กล่องโฟมที่ใช้ปลูกผักน้ำนิ่งนั่นสามารถจุน้ำได้ประมาณ 20-30 ลิตร ถ้าเราปลูกผักในจำนวนที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น กล่องโฟม 20 ลิตร ปลูกแค่ 5 ต้น ตามหลักแล้วเราสามารถปลูกผัก 4 ต้นนี้โดยเติมน้ำรอบเดียวโดยไม่ต้องเพิ่มอีกเลย ระดับน้ำที่อยู่ในกล่องจะลดลงไปเลื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป และในระยะเวลาดังกล่างเมื่อน้ำลดลงไปนั้น รากอากาศก็จะเกิดขึ้น ทำให้พืชมีรากอากาศที่ช่วยให้พืชหายใจ และเจริญเติบโตได้ดีนั่นเอง ดังนั้นข้อสำคัญของการปลูกผักแบบน้ำนิ่งให้ดีจึงอยู่ที่รากอากาศ รากอากาศที่ผักสร้างมาจะช่วยในการเจริญเติบโตของพืช สำหรับรากอากาศนั้นเป็นรากที่จะเกิดขึ้นเมื่อรากไม่แช่อยู่ในน้ำและลอยอยู่ในอากาศเท่านั้น และรากอากาศจะตายเมื่อแช่ในน้ำ ดังนั้นการปลูกผักแบบน้ำนิ่งต้องควบคุมการเติมน้ำ เพื่อให้พืชมีทั้งรากอากาศและรากอาหารปกติด้วยเช่นกันนั่นเอง หากวันนึงฝนตกหรือเติมน้ำสูงเกินไปก็จะทำให้รากอากาศตายพืชก็อาจจะตายได้เหมือนกัน เพราะแบบนี้การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แบบน้ำนิ่งสามารถทำได้ แต่อาจจะยากกว่าการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แบบน้ำวนเพราะต้องห่วงเรื่องอากาศในน้ำซึ่งเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญในการที่พืชจะเจริญเติบโตได้ดีหรือไม่นั่นเอง

The Kratky Method

ระบบไฮโดรแบบ DWC