การปลูกผักสวนครัวช่วยป้องกันน้ำท่วมได้อย่างไร?
โลกร้อนขึ้นทำให้น้ำแข็งที่ขั้วโลกละลาย ระดับน้ำในทะเลสูงขึ้น น้ำบนพื้นดินไหลลงสู่ทะเลช้าลง มีพื้นที่ที่น้ำท่วมถึงมากขึ้น และยังทำให้ฤดูกาลเปลี่ยนไป ฝนตกผิดเวลาและตกบางช่วงเวลามากขึ้นแบบผิดปกติเหล่านี้สามารถอธิบายได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ ตรวจวัดได้ด้วยเทคโนโลยี่ที่มีอยู่และรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยตัวเราเอง
เมื่อท่านซื้อผักมารับประทาน ท่านต้องจ่ายค่าพลังงานถึง 1 ใน 3 ของราคาผัก ท่านจึงได้ชื่อว่าใช้พลังงานของโลกไปและเป็นสาเหตุของโลกร้อนและน้ำท่วม
บางคนอาจจะแย้งว่าคงจะไม่มีผลกระทบมากถึงขนาดนั้นมั้ง พูดเกินไปหรือเปล่า ไม่ปลูกผักกินเองนี่นะมีผลร้ายถึงขนาดไหนเชียว เรามาลองคำนวณดูกันไหมครับว่ามันน่าจะเป็นอย่างนั้นจริงไหม
ถ้าคนไทยซื้อผักสัปดาห์ละ 200 บาท คิดเป็นค่าพลังงาน 66 บาท 60 ล้านคนเป็นเวลา 1 ปีหรือ 52 อาทิตย์ คิดเป็นค่าพลังงานทั้งสิ้น 205,920 ล้านบาทที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น เสียทั้งเงินในกระเป๋าของเราไป เสียเงินตราไปต่างประเทศเพราะพลังงานส่วนใหญ่ของเรานำเข้ามาจากต่างประเทศในรูปแบบต่างๆ เช่นน้ำมัน แก๊สธรรมชาติ ถ่านหิน เป็นต้น และที่สำคัญที่สุดมันย้อนกลับมาทำร้ายเราอีก ด้วยการทำให้เกิดน้ำท่วมเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และจิตใจ
บางคนอาจจะท้วงติงว่าการซื้อผักกินทำไมจึงต้องจ่ายค่าพลังงานถึง 1 ใน 3 ถ้าตั้งคำถามนี้ต้องอธิบายยาวครับ แต่สามารถสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ได้ว่าผักเป็นสินค้าที่กินเนื้อที่ (bulky) ดังนั้นการขนส่งจึงขนได้ทีละมากๆ ไม่ได้ ถ้าอัดเข้าไปมากๆ ก็จะเสียหายไม่คุ้มกัน และกว่าผักจะมาถึงมือเราต้องขนส่งอย่างน้อย 2 ทอด จากผู้ปลูกมาที่พ่อค้าส่งและพ่อค้าปลีก แล้วจึงถึงเราตามลำดับ บางทีต้องมาบรรจุหีบห่อให้สวยงามเพื่อส่งเข้าตามซุปเปอร์มาเกตเก็บในห้องเย็น ยิ่งเสียค่าใช้จ่ายด้านพลังงานมากขึ้นเป็นทวีคูณ
เรามาปลูกผักสวนครัวไว้รับประทานกันเองเถอะครับ